DHA ในนมแม่ดีที่ไม่ต้องเติม

ใคร ใครก็อยากให้ลูกได้รับนมแม่ทั้งนั้น เพราะต่างก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ลูกควรได้รับ โดยเฉพาะ.......

ส่วนมากก็ต้องอยากเห็นลูกมีพัฒนาการที่ดีมีสมองที่เฉียบคม สารอาหารที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง

และจอประสาทตาที่ทำให้สายตามองเห็นได้ดี ก่อนอื่นเราคงต้องพูดกันให้เข้าใจก่อนว่า DHA และ AA นี้คืออะไร

DHA และ AA คืออะไร

DHA และ AA เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในอาหารหลายอย่างที่เราบริโภคกัน แต่แหล่งสำคัญและเป็นแหล่งที่ดีที่สุด คือ น้ำนมแม่

DHA ย่อมาจาก Doeosohexaenoic acid เป็นกรดไขมันพวกที่เรียกว่า โอเมก้า 3 ที่เราคุ้นเคย ส่วน AA ก็ย่อมาจาก Arachidonie acid หรือกรดไขมันพวก โอเมก้า 6

DHA และ AA นี้ได้มาจากที่ไหนบ้าง

ไขมันทั้งสองตัวนี้ได้จากการกินอาหารพวก ไข่แดง ปลา สาหร่าย ฯลฯ และร่างกายยังสามารถสังเคราะห์ หรือสร้างได้ด้วย จากไขมันพวก Linoleic acid และ Linolenic acid แต่ DHA และ AA ที่ร่างกายสร้างจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ไม่ดีเท่าตัวที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นในทารกแรกเกิดการได้รับน้ำนมแม่จึงมีความแตกต่างจากเด็กที่ไม่ได้นมแม่ พบว่าเด็กที่กินนมแม่นั้นมีปริมาณ DHA และ AA หรือไขมันที่จำเป็นต่อการพัฒนาของสมองและประสาทตา

Fact  

·        DHA และ AA ในน้ำนมแม่จะมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ ตามระยะเวลาที่ลูกดูด ...... การที่มีการขับน้ำนมออกมาแล้วจนเกลี้ยงเต้า หรืออายุของลูก

·        DHA และ AA ในน้ำนมแม่ปรับเปลี่ยนมีการบริโภคของแม่ ให้มีปริมาณน้ำนมเหมาะสมกับความต้องการของลูก

·        DHA และ AA มีการผลิตใช้ไปทันที เนื่องจาก เป็นสารที่ถูกทำลายโดยออกซิเจนได้ง่าย ถ้าให้ลูกกินนมแม่แล้วต้องเสริมDHA และ AA มีหรือไม่

ไม่จำเป็น เพราะ ทุกอย่างจะถูกปรับให้เพียงพอกับความต้องการของลูกอยู่แล้ว แต่ควรดูแลเรื่องอาหาร ที่มีธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินดี และวิตามินบี12(ในแม่. . . .)

แม่ควรดูแลสุขภาพของตนอย่างไรเพื่อให้มีน้ำนมที่มีคุณภาพ

ภาวะสุขภาพหรือการกินอาหารของคุณแม่เกือบจะไม่กระทบคุณภาพและปริมาณน้ำนมเลย ถ้าคุณแม่ไม่ได้อยู่ในภาวะขาดอาหารอย่างมาก มีสิ่งที่ควรทราบดังนี้

1.      แม่ที่น้ำหนักขึ้นน้อย หรือเกือบจะไม่ขึ้นเลยในช่วงตั้งครรภ์ มักมีปริมาณนมน้อยและปริมาณไขมันในน้ำนมน้อย กว่าแม่ที่มีน้ำหนักขึ้นตามปกติ คือ ประมาณ 10 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์

2.      แม่ส่วนใหญ่จะมีการสะสมไขมันในระหว่างตั้งครรภ์ประมาณ 2-4 กิโลกรัม

3.      ควรหลีกเลี่ยงการเสริมวิตามินเอ เพราะอาจมีภาระที่มากเกินไปได้

4.      ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ไม่จำเป็นต้องเน้นอาหารราคาแพง แต่ให้มีคุณภาพ

5.      ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ หมายถึงการดื่มที่ตอบสนองการกระหายน้ำ ไม่จำเป็นต้องดื่มมากเป็นพิเศษ

6.      การควบคุมน้ำหนักหลังคลอด ควรค่อยเป็นค่อยไป และไม่ควรงดอาหารแต่ควรเปลี่ยนลักษณะอาการ ลดน้ำตาล ไขมัน เพื่อการออกกำลังกาย ไม่ควรปล่อยให้น้ำหนักลดลงเกินกว่า สัปดาห์ละ 0.5 กิโลกรัม

7.      การกินโดยเป็นนิสัย ไม่ใช้กินเพื่ออิ่มท้อง มักทำให้กินจุกกินจิกและทำให้มีน้ำหนักสะสมมากขึ้น และยิ่งเป็นปัญหาเมื่อลูกเริ่มหย่านม

8.      ควรลดการรับประทานไขมัน พวกที่เป็นมันแข็ง เช่น มันหมู

สิ่งสำคัญที่น้ำนมแม่มีให้แก่ลูกนอกเหนือจากสารอาหาร เพราะมีน้ำย่อยไขมัน น้ำย่อยน้ำตาล ที่ช่วยทำให้ลูกย่อยสลายไขมันและน้ำตาลได้ดี มี กากซึ้งเน้นประโยชน์ในการป้องกันการติดเชื้อของระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย มีภูมิกันและเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถให้ลูกนำไปใช้ปกป้อง และสร้างเสริมตัวเองได้ทันที

มีของดีอย่างนี้แล้วไม่ต้องแต่ง ไม่ต้องเติม แต่ตั้งใจ อดทนให้ลูกกินนมแม่กันเถอะนะค่ะ